อ่านแล้วเล่า

นิราศมหรรณพ

เรื่อง นิราศมหรรณพ
ผู้แต่ง ปราปต์
สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์
เลขมาตรฐานหนังสือ 9786161804961

นิราศมหรรณพ เปิดเรื่องมาด้วยความงงๆ ตัดไปตัดมา
แต่อ่อยเหยื่อไว้อย่างน่าติดตามที่สุด

เรื่องถูกเปิดด้วยความตายของตัวประกอบระดับสิบตัวหนึ่ง
และเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจุลเกตุ เธียรโชติ ตัดสินใจจะจบชีวิตตนเอง
แต่ ร.ต.อ.เชลียง เดชาพิสัย คือผู้พลิกผันการกระทำนั้นให้เปลี่ยนไป ..
ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองจึงได้เริ่มต้นขึ้น ..
พร้อมเรื่องราวอันซับซ้อน (เพราะวิธีเล่าของผู้เขียน .. แฮ่!)

นิราศมหรรณพ เป็นเรื่องราวการสืบสวนฆาตกรรมต่อเนื่องที่ผิดธรรมชาติ
โดยศพทุกศพ ตายทั้งที่ร่างกายภายนอกยังปกติสมบูรณ์
แต่อวัยวะภายในแหลกสลายไร้สาเหตุ
เบาะแสเดียวที่โยงทุกคดีเข้าด้วยกันคือ ขวดเปล่าและกองน้ำมันข้างศพ
นอกจากนี้ จำนวนศพที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเกิดในวัด อันเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 3
และศพเหล่านั้นยังเกี่ยวข้องกับบริษัทไทยโชติ
อันเป็นบริษัทธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศด้วย

ตอนที่เราเริ่มต้นอ่าน เราไปกดอ่านรีวิวจาก goodread มาก่อน
ทำให้พอทำใจได้ว่าคงต้องอ่านแบบไม่คาดหวังอะไร
โชคดีที่เราจำความรู้สึกตอนอ่าน กาหลมหรทึก ไม่ได้แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ โดยรวมๆ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ

ผู้เขียนให้ความสำคัญกับชื่อสถานที่
และรายระเอียดของสถานที่ .. ที่มีอยู่จริง
เราชอบนะ โดยเฉพาะถ้าเล่าถึงสถานที่ที่เคยรู้จัก
ไม่ค่อยมีนักเขียนไทยที่เขียนแบบนี้

เรื่องที่ผู้เขียนสอดแทรกเกร็ดความรู้ต่างๆ
เข้ามาในบทบรรยาย เราไม่ติดนะ
เพราะเป็นเรื่องที่เราสนใจและชอบอยู่แล้ว
เราชอบวัดเก่า ชอบประวัติศาสตร์ ฯลฯ
ก็เลยไม่รู้สึกถูกยัดเยียดอะไร
แต่ก็แอบคิดว่า ถ้าจะใส่มาขนาดนี้แล้ว ..
ประวัติของวัดน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีมากกว่านี้

ในส่วนความรู้วิทยาศาสตร์ที่แทรกเข้ามา ก็ทำได้นะ
แต่กับบางความรู้ อ่านแล้วคิดตามได้ยาก ยังไม่เห็นภาพ
น่าจะต้องอธิบายในคนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายกว่านี้

ทั้งหมดนี้ เราไม่อยากให้ปราปต์เลิกนะ
อยากให้พัฒนาต่อไปแม้จะมีเสียงบ่นระงม
เพราะนักเขียนไทยที่ให้รายละเอียดกับข้อมูลเหล่านี้มีน้อยมาก
วันหนึ่งเมื่อปราปต์ทำได้ดี มันจะเป็นจุดแข็งของปราปต์ที่ไม่มีใครลอกเลียนได้
หรือถ้าลอกเลียนก็คงไม่เหมือน
และคงดีถ้ามีการลอกเลียนวิธีเขียนแบบนี้ให้แตกยอดออกไปเยอะๆ

สำหรับการดำเนินเรื่อง ต้องตั้งสติดีๆ ในตอนอ่าน
เพราะผู้เขียนใช้วิธีเล่าแบบตัดไปตัดมา
บางทีก็จะงงๆ หน่อย มึนๆ ตัวละครหน่อย
แต่ก็ชวนติดตามดี (แต่เปลืองพลังงานในการอ่านมากกกกก)
อ่านไปคิดในใจไปตลอด ว่า
อะไรฟระ ยังไงฟระ!? 5555
ต้องอ่านยาวๆ ไป อ่านทีละไม่กี่หน้าไม่ได้
ถ้าเว้นช่วงแล้วกลับมาอ่าน มันต้องจูนกันใหม่ ไม่ปะติดปะต่อ

วิธีการบรรยายแบบที่ปราปต์ทำนี้มันไม่ง่ายนะ
ใช่แต่ว่าคนอ่านจะอ่านยากอยู่ฝ่ายเดียว
คนเขียนเองก็ทำให้งานมันยากขึ้นด้วย
ปราบต์ต้องเห็นภาพในหัวอย่างละเอียด ..
ซึ่งเราก็ยังสงสัยว่ามันจำเป็นต้องให้ยากอย่างนี้มั๊ย!
แต่มันก็เป็นรสชาติใหม่ๆ ที่หาอ่านได้ยาก
(ซึ่งก็ดีแล้ว อ่านแล้วเหนื่อยอ่ะ 555)

ใจจริงเราก็อยากจะบอกว่า อ่านไปเถอะ งงหน่อย จำไม่ได้บ้าง ..
สุดท้ายผู้เขียนก็จะค่อยๆ เฉลยมันออกมาทีละเปลาะ
อย่างธรรมดา อย่างง่ายดาย ไม่ต้องขุดคุ้ยความทรงจำอะไรมาก
อย่าไปหงุดหงิดกับความไม่รู้ กับวิธีเล่าเรื่องตัดไปตัดมา
อ่านไปเรื่อยๆ มันก็สนุกดี แปลกใหม่ ไม่เบื่อดี

แต่พอปราปต์ใช้วิธีเล่าแบบนี้มาจนกระทั่งตอนใกล้จะจบนี่สิ!!
มันค้างคาใจอ่ะ มันกลายเป็นจบที่ไม่อิ่ม งงๆ มึนๆ เอ๋อมาตลอด
จนถึงตอนจบก็ยังต้องคอยนึกว่าแล้วคนนั้นจบยังไงนะ
แล้วทางนี้ล่ะจบหรือยัง .. ทางนู้นอีก .. ตกลง เรื่องนั้นสรุปไปแล้วใช่ไหม ฯลฯ
เลยเป็นจบที่ไม่ฟิน ไม่คลี่คลาย
คาใจเหมือนมีบางอย่างยังเฉลยไม่หมด แต่นึกไม่ออก

เรื่องปมที่เฉลยฆาตกรรม เราว่ามันพิลึกเกินไปหน่อย
มันเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างที่ผู้เขียนเฉลย .. ถ้าเป็นนิยาย
แต่ในชีวิตจริง ใครจะไปคิด .. ใครจะไปไขปริศนาออกได้อย่างตัวละครในเรื่อง
มันประหลาดที่ตัวละครในเรื่องคิดไปได้ถึงเหตุผลนี้ด้วยนี่สิ!

นั่นแหละ คือทั้งหมดของเล่มนี้
อ่านยาก ทำความเข้าใจยาก และเล่ายาก
ใครเอามาทำละครนี่เรานับถือเลย และขอบคุณด้วย
เพราะน่าจะดูเข้าใจได้ง่ายกว่าอ่านเอง
โดยรวมๆ ก็สนุกนะ แต่เป็นความสนุกที่เข้าถึงยากไปหน่อย
อ่านจบแล้วเหนื่อย ไม่ฟินเหมือนเวลาอ่านหนังสือเล่มอื่นๆ จบเล่ม

Comments are closed.